แฟชั่นไม่ควรทำร้ายโลกของเรา
พวกเราส่วนใหญ่มักมุ่งสนใจเสื้อผ้าสวยๆ รองเท้าสวยๆ และกระเป๋าถือที่เข้าคู่กันอย่างลงตัวซึ่งปรากฏในห้างสรรพสินค้าในทุกๆ สองสัปดาห์ และที่น่าเศร้าคือพวกเราส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงผลกระทบที่สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมของเรา ดังนั้น วันนี้เรามาเจาะลึกถึงสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษมากเป็นอันดับสองของโลก นั่นก็คือ อุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็ว
แฟชั่นที่รวดเร็วคืออะไร?
แฟชั่นที่รวดเร็ว คือการผลิตเครื่องนุ่มห่มทั้งหลายในราคาถูกแต่มีคุณภาพต่ำในปริมาณจำนวนมาก โดยจะมีการใช้และนำไปซักเพียง 10-12 ครั้งเท่านั้นก่อนที่จะทิ้งไป
ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมแฟชั่นได้ผลิตเครื่องนุ่มห่มถึงแปดหมื่นล้านชิ้นทุกปี สิ่งนี้ได้สร้างภาระอันใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศทั้งหมดเป็นอย่างมาก เนื่องจาก "เทรนด์" เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 2-3 สัปดาห์ ผู้บริโภคจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ในขณะที่คนงานต้องผลิตมากขึ้นด้วยค่าแรงที่ต่ำกว่าเพื่อรักษาราคาให้ต่ำจนน่าตกใจ และเหนือสิ่งอื่นใด กระบวนการผลิตเครื่องนุ่มห่มเหล่านี้ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำให้กับสิ่งแวดล้อมของเรา และเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งกำลังสร้างกองขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ในเวลารวดเร็วเท่าที่ควรจะเป็น
แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจแฟชั่นที่รวดเร็วต้องอาศัยการที่ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ แบรนด์ต่างๆ ได้ล่อใจผู้บริโภคด้วยการนำเสนอเสื้อผ้าราคาถูกและมีความหลากหลายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
รูปแบบใหม่และราคาขายที่ต่ำจึงไม่ใช่เทคนิคใหม่ในการดึงดูดลูกค้า อย่างไรก็ตาม แบรนด์ก่อนหน้านี้จะวางแผนรูปแบบใหม่ล่วงหน้าหลายเดือนหรือหลายปี ทุกวันนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็วจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทุกๆ 2 สัปดาห์
แบรนด์แฟชั่นที่รวดเร็ว มักกำหนดเป้าหมายไปที่คนหนุ่มสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูมาในโซเชียลมีเดียและวัฒนธรรมที่มีอินฟลูเอนเซอร์ แน่นอนว่าแบรนด์แฟชั่นที่รวดเร็วไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังตั้งใจสร้างแฟชั่นที่รวดเร็วนี้ขึ้นมาด้วย
มาเร็ว ไปเร็ว
มีการประมาณกันว่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่มหุ่มเหล่านี้โดยเฉลี่ยถูกสวมใส่เพียง 14 ครั้งแล้วทิ้ง และในปี ค.ศ. 2019 หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ได้รายงานว่าหนึ่งในสามของผู้บริโภคที่เป็นหญิงสาวถือว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งคือสิ่งเก่าแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เสื้อผ้าแนวฟาสต์แฟชั่นหรือแฟชั่นที่รวดเร็ว ส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลิตให้คงทนถาวร เนื่องจากความต้องการในการผลิตที่รวดเร็วและราคาที่ต่ำ คุณภาพของเสื้อผ้าจึงต่ำมากจนกผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะฉีกขาดหรือชำรุดหลังจากสวมใส่เพียงไม่กี่ครั้ง
เนื่องจากผู้บริโภครู้ว่าเทรนด์ถัดไปอยู่ใกล้แค่เอื้อม และเสื้อผ้าของพวกเขาก็จะตกเทรนด์ในไม่ช้า พวกเขาจึงมักจะขาดแรงจูงใจในการดูแลเสื้อผ้าของตน สิ่งที่ผิดก็คือสิ่งของที่ถูกทิ้งส่วนใหญ่ไม่ได้นำไปรีไซเคิลหรือบริจาค ซึ่งสุดท้ายเสื้อผ้าเหล่านี้ก็จะถูกนำไปฝังกลบลงดิน
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว
หากยังไม่แน่ใจจนถึงขณะนี้ ขอให้เข้าใจให้ชัดเจนว่าทั้งหมดนี้มาพร้อมกับต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอันมหาศาล
เรามาเริ่มจากน้ำกันก่อน ผลพลอยได้จากโรงงานสิ่งทอในประเทศที่ผลิตสินค้าแฟชั่นที่รวดเร็วคือ คือน้ำเสียที่เป็นพิษที่ไม่ผ่านการบำบัด เศษสิ่งทอนี้มีสารต่างๆ เช่น ตะกั่ว ปรอท และสารหนู ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสัตว์น้ำและชีวิตมนุษย์ เช่น ในประเทศบังคลาเทศแห่งเดียว ขยะพิษจากโรงฟอกหนังจำนวน 22,000 ตันไหลลงสู่ทางน้ำโดยตรงทุกปี ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกของเราที่น้ำจืดขาดแคลนอยู่แล้ว อาจต้องใช้น้ำจืดถึง 200 ตันในการย้อมและตกแต่งผ้าเพียงหนึ่งตัน
ต่อมาคือวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็วหรือฟาสแฟชั่น ที่เป็นไมโครไฟเบอร์เป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่ผิดปกติกับอุตสาหกรรมแฟชั่น ไมโครไฟเบอร์คือไมโครพลาสติกที่มาจากผ้าสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์และไนลอน ทุกครั้งที่คุณซักเสื้อผ้า สิ่งเหล่านี้ถูกกินโดยสิ่งมีชีวิตในน้ำซึ่งปลากิน ซึ่งเรากิน! เสื้อผ้าของเราอาจใช้เวลานานถึง 200 ปีในการย่อยสลาย ดังนั้นโลกของเราจึงได้รับมลภาวะจากวัสดุสังเคราะห์เหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา
มีการใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่กำหนดขั้นตอนการผลิต การผลิต และการขนส่งเสื้อผ้าหลายล้านชิ้นที่ผลิตในแต่ละปีที่ใช้พลังงานจำนวนมาก เส้นใยสังเคราะห์ที่ใช้กับเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเรานั้นผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
อีกสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติกับอุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร้ซหรือฟาสต์แฟชั่นก็คือ มันส่งผลกระทบที่เสียหายต่อระบบนิเวศทั้งหมดของเรา สารเคมีที่ใช้ในการผลิตผ้า เช่น ฝ้าย จะทำให้ดินเสื่อมโทรม ในขณะที่เส้นใยที่ทำจากไม้ เช่น เรยอนและวิสโคส ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก นี่เป็นการทำลายแหล่งชุมชนพื้นเมืองและยังทำร้ายโลกอีกด้วย
สิทธิมนุษยชน
สิ่งนี้นำเราไปสู่ผลกระทบร้ายแรงอีกประการหนึ่งของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็วหรือฟาสแฟชั่น ก็คือสภาพการทำงานของแรงงานในอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นนั้นไร้มนุษยธรรม
เริ่มตั้งแต่ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และค่าจ้างที่ต่ำมากๆ ซึ่งต่ำกว่าค่าแรงชั้นต่ำเพื่อการยังชีพอย่างมาก ไปจนถึงสภาพการทำงานที่เป็นอันตราย คนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบาก ในขณะที่ผู้บริโภคเพลิดเพลินกับการเข้าถึงและความสามารถในการซื้อแฟชั่นที่รวดเร็ว แต่มีคนไม่ถึง 2% ที่ผลิตเสื้อผ้าที่ได้รับค่าจ้างเพื่อการยังชีพ
หากคุณต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นด้านมนุษยธรรมที่ผิดจรรยาบรรณในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่รวดเร็วนี้ ในนิตยสาร Sustain Your Style มีข้อมูลที่น่ากังวลใจจริงๆ เกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กไปจนถึงการไม่สามารถก่อตั้งสหภาพแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายได้
จะหยุดสนับสนุนธุรกิจแฟชั่นที่รวดเร็วอย่างไร?
ขั้นตอนแรกในการจัดการกับความท้าทายนี้คือการทำให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวาง โดนช่วยกันแบ่งปันบทความนี้กับคนอื่นๆ ในชีวิตของคุณที่เป็นผู้นำแฟชั่น เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
มีแบรนด์ของท้องถิ่นที่คุณสามารถสนับสนุนได้แทนที่จะเป็นแบรนด์แฟชั่นที่รวดเร็วเหล่านั้น เรามีรายการเสื้อผ้าและเครื่องนุ่มห่มตลอดจนของใช้แบรนด์โปรดของเราในเว็ปไซต์เอชพีแอล หากคุณตระหนักมากขึ้นว่าเงินของคุณไปไหน แบรนด์อื่น ๆ ก็จะเริ่มให้ความสนใจเช่นกัน
เมื่อคุณซื้อเสื้อผ้าคุณภาพสูงแล้ว ควรดูแลรักษาให้ดีเพื่อช่วยลดวัฒนธรรมการทิ้งขว้างลง เมื่อทำได้ ให้ซื้อมือสองหรือเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าในท้องถิ่น สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจหมุนเวียนเมื่อคิดถึงสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้
แม้ว่าคุณจะคิดว่าจะไม่สนับสนุนแบรนด์แฟชั่นที่รวดเร็ว แต่ให้อินฟลูเอนเซอร์ที่คุณชื่นชอบต้องรับผิดชอบด้วย แฟชั่นที่รวดเร็วอาศัยโพสต์บน Instagram โดยมี OOTD การลากเสื้อผ้า และความท้าทายด้านสไตล์เพื่อโปรโมตไลน์ใหม่ๆ อินฟลูเอนเซอร์หลายคนสร้างสรรค์เสื้อผ้าสวยๆ จากเสื้อผ้ามือสองหรือช่วยคุณสร้างตู้เสื้อผ้าแบบแคปซูลได้
เมื่อคุณกำลังคิดจะซื้อเสื้อผ้าชิ้นต่อไป ลองถามตัวเองก่อนว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าเสื้อผ้าชิ้นนั้นๆ ให้คุณ - ควรจะเป็น พวกคนทำงานหรือเปล่า? ควรเป็นสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า? หรือควรเป็นคุณ!
Tagged #สิ่งแวดล้อม #แฟชั่นที่รวดเร็ว #แฮปปี้ไลฟ์ #เฮลโลแฮปปี้ไลฟ์ #ตลาด #ตลาดออนไลน์ # ลดขยะ #มือสอง #ความยั่งยืน #ประเทศไทย #ความยั่งยืนของไทย #ขยะทางน้ำ